ตามอ่านกระทู้สืบเนื่องได้ที่ิลิงค์ด้านล่าง
http://www.toffee-in-usa.com/2012/09/profession-counselor.html
This is the story I wrote in the forum....
สวัสดีค่ะ เราเป็นคนไทยในอเมริกา จริงๆ
ไม่ค่อยได้เข้าห้องนี้เท่าไหร่
แต่เห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมีประโยชน์ต่อสาวๆที่ใช้ชีวิตในอเมริกาไม่มากก็น้อย
เรื่องของเรา
เป็นเรื่องที่เลวร้ายมากมากมาก เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน หลังวันเกิดเราวันเดียว
เป็นประสบการณ์ที่เรียกได้ว่า เฉียดตาย หรือ เฉียดตายทั้งเป็น
เลยอยากมาเล่าไว้เป็นอุทธาหรณ์ให้ฟังค่ะ น่าจะใช้ได้กับทุกคนไม่ว่าอยู่ที่ไหนค่ะ
วันที่ 12 กันยายน (ตามเวลาอเมริกา)
เป็นวันเกิดครบรอบ 28 ปีของเราค่ะ
เรามาทำงานที่อเมริกาได้ครบหนึ่งปีนิดๆพอดี
(บริษัทลูกส่งมาทำงานที่บริษัทแม่ที่อเมริกาค่ะ) วันที่ 12 เป็นวันเกิดเรา
ก็มีเลี้ยงฉลองวันเกิดกับเพื่อนๆคนไทย ปาร์ตี้เป็นปาร์ตี้ธรรมดา ทานข้าว
เครื่องดื่มนิดหน่อย เราออกจากบ้านเพื่อนเวลา 22.30 น.
ขับรถกลับบ้านคนเดียว
ตามประสาคนใช้ชีวิตที่อเมริกาค่ะ
อพาร์ทเมนต์ของเรา
เป็นสไตล์ที่เรียกว่า Apartment Complex นะคะ คือมี ประตูรั้วใหญ่ๆ
อยู๋ข้างหน้า แล้วเข้าไปก็จะมี Apartment หลายๆหลัง หลังนึงก็จะมีห้องหลายๆห้อง
ห้องเล็กสุดที่เราอยู่ขนาดประมาณ 500-600 SQF คือมี 1 bed + 1 Bath + living
room + kitchen ก็จัดเป็นอพาร์ทเมนต์ทั่วไปค่ะ
(ถ้าใครอยู่อเมริกาคงนึกออกเนอะ)
จุดแรกที่อาจจะอันตรายสำหรับหลายๆคน
คือ เราชอบอยู่ที่ชั้น 1 ค่ะ เพราะว่าขนย้ายข้าวของสะดวกดี ถามว่ามีคนผ่านไปมาเยอะมั้ย
ถ้าไม่ใช่เพื่อนบ้าน กับคนใน apartment ข้างเคียง ก็คงไม่ค่อยมีโอกาสผ่านค่ะ
เพราะคนอเมริกาใช้รถกันส่วนใหญ่ ไอ้เรื่องเดินผ่านไปผ่านมาหน้าห้องเนี่ย
ต้องเฉพาะเจาะจงมากๆ
คืนนั้นกลับมาก็ไม่มีอะไร เล่นเนต
ล้างหน้า แปรงฟัน ตามประสา จนหลับไปตอนประมาณ เที่ยงคืนกว่าๆค่ะ
จุดนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าก่อนนอนเช็คประตู
หน้าต่าง ว่าปิดมิดชิด ไม่มีเปิดให้แมลง หรือลมเข้าเลยค่ะ
รู้ตัวตื่นอีกที
เพราะได้ยินเสียงกุกกัก เหมือนคนไขประตูเข้ามา
เราสะดุ้งตื่นขึ้นทันที
(ปกติเรานอนง่ายตื่นง่าย ไม่ขี้เซา) อยู่ในท่านั่งบนเตียงของเราค่ะ
ทั้งห้องมืด แต่เราเห็นเงา
คนดำตะคุ่มตะคุ่มอยู่ที่ประตู้ห้องนอนของเรา
เห็นมือของเค้าพยายามเปิดไฟด้วยสวิทช์ไฟที่อยู่ข้างประตู
แต่ปรากฎว่าเปิดไม่ติดค่ะ
ที่ไม่ติดเพราะว่า ที่ห้องเราเป็นระบบสวิทช์ไฟสองทาง
คือสวิทช์ห้องจะเหมือนว่าเปิดไว้ตลอดเวลา ส่วนไฟพัดลมเพดานก็จะเชื่อมระบบกัน
ถ้าสวิทช์พัดลมเปิดอยู่ จะสามารถใช้สวิทช์กำแพงปิดได้ แต่ถ้าสวิทช์กำแพงปิดอยู่
จะเปิดที่พัดลมไม่ได้
(ตรงนี้ถ้าอ่านแล้วงงข้ามไปค่ะ)
โดยสรปคือมันพยายามเปิดไฟ
แต่เปิดไม่ได้ค่ะ
เราเลยตะโกนออกไป ว่า "What
do you want, Who are you, Why are you here?" คือยิงถามรัวๆ เลย ว่า คุณเป็นใคร
คุณต้องการอะไร ทำไมเข้ามาในนี้
ขอบอกตรงๆ ว่าตอนแรกที่เห็นเงานั้น
แว๊บแรกเราคิดว่า เอ๊ะ เราลืมล็อกประตูรึเปล่านะ ทำให้เวลาดึกๆ คนเมาๆ
เค้าเข้าผิดห้องได้ แล้วล็อกประตูเราก็มีแค่ dead bolt อันเดียวไม่ได้แน่นหนาอะไร ในใจแว๊บแรกคิดแง่บวกจริงๆค่ะ
ว่าอาจจะเป็นคนเมา หรือเป็น พวกพนักงานซ่อม ที่อาจจะมาบอกว่า มีไฟไหม้
หรือหม้อแปรงระเบิดอะไรประมาณนั้น (คิดได้เนอะ)
ในความมืดนั้น หลังจากเราถามมัน
มันก็ตอบกลับมาว่า
"Don't move, I have a
gun" .... มันบอกให้เราห้ามขยับ เพราะมันมีปืน
ณ วินาทีนั้นก็รู้แล้ว ว่า โดนแน่นอน
มันเข้ามาปล้นเรา
เราเลยบอกว่า "What do you want, I will give
you everything, don't shoot me"
เราบอกมันว่า เราจะให้มันทุกอย่าง
อยากได้อะไรเอาไปเลย แต่อย่ายิงเราเป็นพอ
จุดนั้นรู้เลยค่ะ
ว่าคนเรารักชีวิตมากมายแค่ไหน แก้วแหวนเงินทองอะไรที่มียอมสละให้หมด
ขอเพียงแต่ให้มันเอาเงินแล้วรีบๆไปให้พ้นซะ มันบอกว่า มันต้องการเงิน
ให้เอาของมีค่าทุกอย่างที่มีให้มันค่ะ
ตายละหว่า เราไม่มีของมีค่าอะไรเลย
ในกระเป๋าเงินเรามีแบงค์ดอลล่าร์ไม่กี่ใบ เพราะปกติอยู่อเมริกาแทบไม่เคยพกเงินเกิน
$100
เลย ทุกอย่างตั้งแต่ super market ของเล็กของใหญ่ ใช้เครดิตการ์ดตลอด
โชคดีที่เราเอากระเป๋าตังค์ไว้ข้างตัวตลอด
ในความมืดเราเลยพยายามคว้าๆกระเป๋า
คว้าได้แค่ธนบัตรสองใบเท่านั้นค่ะ
เพราะมันมืด โจรมันไม่เห็น
มันเลยตะโกนถามเราว่า "เรามีเงินท่าไหร่"
เราตอบมันไปว่า
"เรามีแค่ไม่กี่เหรียญ" แล้วเราก็โชว์ธนบัตรให้มันดู
ได้ยินมันสบถออกมา
คงรู้สึกผิดหวังอย่างแรงที่เข้าห้องเราแล้วเราไม่มีของมีค่าอะไรเลย
ในชั่ววินาทีนั้น มันเลยเปลี่ยนแผนค่ะ T___T
คำที่่มันพูดออกมาจากปาก
ทำเราร้องไห้โฮออกมาเลยค่ะ
มันบอกให้ เราหันหลัง
แล้วถอดกางเกงนอนออกค่ะ
ในใจตอนนั้นบอกตรงๆว่า คงโดน
"ข่มขืน" แน่นอน ไม่รอดแน่นอน
แล้วไม่มีทางสู้จริงๆค่ะ
หน้าต่างเราปิดสนิท ข้างเตียงไม่มีของอะไรที่จะฟาด หรือต่อสู้ได้เลย ทางออกเดียวที่มีคือประตูห้องนอนซึ่งมันยืนขวางอยู่แล้ว
เราก็เลยคิดว่า เอาเถอะนะ ถ้ามันจะข่มขืนเรา เรายอม เราอยากรักษาชีวิต
คิดแล้วว่าคงโดนข่มขื่นแน่ๆ ....
มันสั่งให้เรายืนขึ้น
พร้อมหันหลังให้มัน พร้อมบอกว่าให้ทำตามที่มันสั่ง เพราะมันมีปื่น
เราก็ยืนขึ้นบนเตียง ถลกกางเกงออก
และโชว์ก้นของเราให้มันแต่โดยดี ไม่ขัดขืน
เราหันหน้าเข้ากำแพง
หางตาของเราเห็นว่ามันเดินใกล้เข้ามาทางปลายเตียง แล้วเริ่มปลดซิบกางเกงออก
ตอนนั้เราร้องไห้ออกมา ในสมอง process ไปไกลแล้ว ว่าโดนข่มขินจะต้องทำไง
มันจะฆ่าเรามั้ย แต่เราไม่ได้ทำเสียงดังโวยวายนะคะ
เพราะมันบอกว่าให้เราอย่าเสียงดัง ไม่งั้นมันยิงทิ้ง
เราก็เลยได้แต่ร้องคร่ำครวญอยู่ ปากก็พร่ำขอร้องว่า อย่าทำอะไรเราเลยนะ
อย่าทำอะไรเราเลย
มันก็เลยบอกเราว่า "I am
not gonna touch you, I am not gonna touch you" มันบอกว่ามันสัญญามันจะไม่แตะตัวเรา
แต่ให้ทำตามที่มันบอกค่ะ
เราก็หันหลัง มันเริ่มช่วยตัวเอง
ใช้มือชักเข้าออกค่ะ
ไม่กี่นาที มันก็บอกให้เราก้มลง
ให้ทำท่าสุนัขค่ะ ไม่พอ มันบอกให้ เราตบก้น แล้วก็ร้องครวญครางทำเสียงเซ็กซี่
ณ จุดนี้ หลายๆคนอ่านอาจจะขำนะ ว่าเออ
แมร่งโรคจิตว่ะ จะบอกว่าในใจเราก็ทั้งขำ ทั้งงงนะ ว่ามันจะมาไม้ไหน
แต่เราเหมือนไม่มีอะไรจะเสียแล้วก็เลย เอาก็เอาวะ!!
เราก้มลง เปิดก้นให้มัน ตบก้นตัวเอง
แล้วก็ร้องครวญ เหมือนมีความสุขมากมายค่ะ
ขอบอกว่าทั้งชิวิตไม่เคยคิดว่าจะต้องมาทำอะไรบ้าๆ
แบบนี้เลย ไม่เคยพบเจออะไรแบบนี้ แม้แต่หนังติดเรทก็ไม่เคยดู แต่ที่นึกถึง
เพราะว่าเพิ่งอ่าน Fifty Shades of Grey ค่ะ ก็เลยพอเข้าใจว่ามันอยากให้ทำอะไร
หางตาเราหันหน้าไปแอบมองมัน
มันก็ยืนช่วยตัวเองแบบนั้น ทำเสียงซี๊ดซ๊าด เราทำอะไรไม่ได้
เราก็ตบก้นตัวเองอยู่แบบนั้น ร้องครวญครางไปเรื่อยๆ เพราะอยากให้มันพอใจ
เผื่อมันจะได้เสร็จๆ แล้วจบกันไป
ในขณะที่เรื่องเกิดขึ้น
มันไม่แตะต้องตัวเราเลยแม้แต่น้อยค่ะ....
พอมันช่วยตัวเองซักพัก
มันก็เหมือนว่าพอใจแล้ว แล้วก็เดินออกจากห้องไปไม่ร่ำไม่ลา
-_-" เราไม่ได้ยินเสียงว่ามันเสร็จหรืออะไรรึเปล่า
ในใจเราคิดล่วงหน้าว่ามันอาจจะสำเร็จความใคร่แล้วพุ่งน้ำมาที่เรา
แต่ก็ไม่มีอะไรแต่อย่างใด มันเดินออกไปเงียบๆค่ะ
เรากลัวมาก กลัวมากๆจริงๆ
ตอนมันเดินออกไปเราไม่เข้าใจว่ามันจะไปทำอะไร อาจจะเดินออกไปค้นของ ออกไปเปิดไฟ
หรือจะทำอะไรอีก แต่เรารักชีวิต เราก็เปิดก้น ตบไปเรื่อยๆ
จนซักพักเห็นว่าเงียบแล้ว เราก็เลยรีบไปปิดประตูห้องนอน แล้วโทร 911 ทันทีค่ะ
ทีนี้ปล่อยแบบร้องไห้โฮเลยจริงๆ
ตอนโทรไป 911 ตำรวจรับสายทันที คำแรกเราจำได้จนถึงตอนนี้ เราบอกตำรวจว่า Somebody broke into my apartment มีคนเข้ามาในห้องเรา เราบอกที่อยู่เรา
ชื่อถนน เบอร์โทร ชื่อเรา ร้องไห้ไป แต่สติอยู่ดีทุกอย่างค่ะ
ไม่เกิน 10 นาที รถตำรวจมา
จะบอกว่าฉากต่อไปนี้เหมือนดู CSA มากๆ แต่พอเราเป็นเหยื่อในเหตุการณ์จริง
ไม่สลิงไม่แสตนด์ มันขำไม่ออกค่ะ มันไม่สนุกเลย
ตอนแรกไม่มีตำรวจมา เรายังถือสายคุยกับ
911
ในโทรศัพท์
มีเสียงเคาะประตู แต่ไม่มีเสียงคน
เราเลยถาม 911ในโทรศัพท์ไป ว่า มีคนมาเคาะประตู้ เป็นตำรวจรึเปล่า
แล้วเราจะแน่ใจได้ยังไง ว่าเค้าเป็นตำรวจ
ตอนนั้นเค้าก็ wall กันอยู่ รถตำรวจเลยเปิดไฟ
สาดเข้ามาในห้องเราค่ะ แต่ตำรวจไม่เปิดประตูเข้ามาทันที เราเห็นว่ามีตำรวจมาแล้ว
ก็เลยแอบเอาหัวลอดไปดูว่านอกห้องมีใครอยู่มั้ย พอแน่ใจว่ามีแต่เราแล้ว เราเลยวิ่งไปเปิดประตูค่ะ
ปรากฎว่าประตูหลักเข้าบ้านยังล็อกอยู่ค่ะ
เลยทำให้รู้ว่า มันไม่ได้เข้ามาทางประตูหลัก ...
ตำรวจเข้ามาประมาณ 4 คน สัมภาษณ์นู่นนั่นนี่ ให้เรานั่งลง
สงบสติ สัมภาษณ์กันไปหลายรอบค่ะ ให้เล่าเรื่องซ้ำๆกัน
สุดท้ายตอนที่ค้นหาหลักฐาน
เจอว่ามันงัดประตูเลื่อนที่ติดกับระเบียงบ้านเข้ามา มีร่องรอยแงะ
(เหมือนว่าใช้ไขควง) อย่างชัดเจน ประตู้ก็เปิดโล่งไว้ทั้งบาน
ซึ่งวินาทีนั้นแน่ใจมาก ว่าเราไม่มีทางสะเพร่าเปิดแบบนั้นแน่นอน
เลยสรุปได้ว่ามันเข้ามาทางประตูเลื่อนค่ะ ตำรวจก็คุย ถาม นู่นนั่นนี่ซักพัก
แล้วก็ถามว่าเรามีเพื่อนที่พอจะให้มาหาได้มั้ย
เราบอกว่ามีเราก็เลยโทรหาเพื่อนคนไทยค่ะ
เพื่อนก็งัวเงียตกใจตื่นขึ้นมาทันที ซักพักประมาณ 15 นาที
เพื่อนก็มาถึงอพาร์ทเมนต์เราทั้งชุดนอนค่ะ (ขอบคุณ และรู้สึกอุ่นใจจริงๆ
ที่มีเพื่อนในเวลาแบบนี้)
ตำรวจบอกว่าต้องรอ นักสืบ Detective
มาเพื่อสัมภาษณ์และพิสูจน์หลักฐานก่อน
ซักพักนักสืบก็มา
และขอให้ทุกคนออกจากห้อง เหลือแต่เราเพื่อทำการสัมภาษณ์ค่ะ
ก็เริ่มด้วยการอัดเสียง ซักประวัติ
และถามทุกอย่างละเอียดมาก
เริ่มตั้งแต่ว่า
ก่อนเรากลับบ้านเราไปไหน อยู่กับใคร ที่เราไปปาร์ตี้วันเกิด มีคนแปลกหน้ามั้ย
มีการใช้ยา หรือมึนเมารึเปล่า (เราบอกว่าไม่มี) กลับมาเห็นอะไรผิดปกติ หรือเจอใครมั้ย
(เราบอกว่าไม่เจอใคร)
ก่อนนอนทำอะไร นอนเวลาไหน
เราก็ตอบไปว่าเราทำอะไรเรื่อยเปื่อยนอนไปตอนเที่ยงคืนครึ่งถึงตีหนึ่ง
แล้วก็ทวนฉากที่เล่าไปข้างบนทั้งหมดค่ะ
แต่ที่นักสืบถามละเอียด คือถามว่า
โจรมันหน้าตาเป็นไง สูงต่ำดำขาว
เราบอกว่า เรารู้แต่ว่ามันเป็นคนดำ
น่าจะหัวโล้น หรือสกินเฮด สูงและตัวใหญ่มาก เกือบถึงประตู (เกิน 180 แน่นอน) แล้วก็ค่อนข้างมีกล้าม
นอกนั้นเราไม่เห็นจริงๆ
อ้ออ แล้วที่มันบอกว่ามีปืน
เราก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะเราไม่เห็นปืน แต่มันบอกว่ามีปืน
ใครจะเสี่ยงจริงมั้ยคะ (ต่อให้ไม่มีเราก็คงสู้มันไม่ได้อยู่ดี)
แล้วก็ถามว่าเห็นมันช่วยตัวเองมั้ย
เห็นไอ้นั่นของมันมั้ย ซึ่งเราเห็นแค่มันใช้มือชัก ไม่เห็นตรงนั้นค่ะ (มืดมาก)
ก็เล่ากันไปเกือบชั่วโมงนึงค่ะ
จำได้ว่าเริ่มสัมภาษณ์ตีสีกว่าๆ เสร็จตอนตีห้านิดๆค่ะ
พอเสร็จ ตำรวจและนักสืบก็บอกว่า
อยากให้ทิ้งของที่จำเป็นไว้แบบนั้น ห้ามขยับ เพื่อหาหลักฐานค่ะ ส่วนตัวเรา
เค้าแนะนำว่าอย่าอยู่ที่นี่ต่อ เพราะไม่รู้ว่ามันจะกลับมาเมื่อไหร่ เลยให้ไปนอนกับเพื่อนแทน
เพื่อนมากันสองคน ก็ช่วยกันเก็บของใช้ที่จำเป็น ตั้งใจว่าจะไปอยู่ค้างกับเพื่อน
คืนวันพฤหัส และศุกร์ กลับมาเก็บของวันเสาร์แล้วย้ายออกทันทีค่ะ
สรุปก็ไม่ได้นอนค่ะ
เราก็ยังมีอารมณ์ว่า ไปถึงบ้านเพื่อน อาบน้ำแล้วก็แต่งตัวออกมาทำงาน ตอนเจ็ดโมงกว่าๆ
พอดีค่ะ -_-"
พอสายหน่อยๆ
ก็มีนักสืบอีกคนโทรมาขออนุญาตเข้าไปค้นห้อง หาหลักฐาน บอกว่าจะเอา backlight
เข้าไปดูเผื่อมี
DNA/ คราบอสุจิค่ะ
แต่ในใจเราคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรหลงเหลือล่ะ
เพราะมันไม่ได้เสร็จในห้องเรา ตำรวจล็อตแรกก็ส่องหาน้ำอสุจิแต่ก็ไม่เจออะไรค่ะ
เลยคิดว่าคงชวดไปคราวนี้