Wednesday, March 27, 2013

Moving Experience

วันนี้ก็ได้ประสบการณ์อีกอย่างกับการเก็บของขนของ

ย้ายบ้านครั้งก่อนได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนๆพี่ๆคนไทยหลายคน เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วน แทบไม่มีเวลาแพคของเลยด้วยซ้ำ

มาคราวนี้รู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ แพคล่วงหน้านานเป้นอาทิตย์ แบบแพคตามอารมณ์ ค่อยๆคิด ค่อยๆเก็บ ค่อยๆ ใส่เข้ากล่องจัดเป็นอย่างดี สุดท้ายก็ได้กล่องจำนวนหนึ่งที่จะต้อง ship เรือกลับบ้าน

จะว่าไปก็ตลกดี เมื่อสองปีก่อนตอนมามีกระเป๋าใบละ 23 โลมาแค่สองใบ (ตอนนั้นจำได้ว่าจะเอายาทาเล็บประมาณ 7-8 ขวดมาแต่น้ำหนักเกิน ทางเคาน์เตอร์เช็คกระเป๋าก็ใจดีให้แอบเกินมาได้) มาถึงตอนนี้ยาทาเล็บนั้นงอกลูกงอกหลานมาเป็นเท่าตัว ^^" ส่วนข้าวของจากสองกระเป๋าก็กลายเป็นเหลือคณานับ ไอ้จะทิ้งก็ทำให้นึกว่าของที่งอกเงยขึ้นมาก็เงินเราที่ทำงานหามาทั้งนั้น แล้วก็เลือกซื้อแต่ในส่ิงที่ชอบเพราะฉะนั้นก็รักของทั้งหมดนั่นแหละ (งกว่างั้น) สุดท้ายก็เลยได้ของมากพอควร

รู้สึกเกรงใจเพื่อนคนไทยก็เลยเอาวะ ตกลงจ้าง mover ลอง American experience ดู

ก่อนอื่นคือต้องบอกว่า moving service เป็นอะไรที่ธรรมดามากของคนที่นี่ เพราะว่าฝรั่งย้ายบ้านกันบ่อย คนที่อยู่อพาร์ทเมนต์ซึ่งส่วนใหญ่สัญญาปีเดียว พอหมดสัญญา อาจเจอที่ใหม่ อาจเจอใครถูกใจ หรืออาจจะโดนขึ้นค่าเช่าจนทนไม่ไหวก็ย้ายกัน แล้วความเป็นอยู่ของคนที่นี่ก็เรียกว่าจัดเต็ม นึกถึงว่าระดับคนไทยทำงานอยู่หอ ก็คงมีสมบัติประมาณหนึ่งแต่ก็มักจะไม่ใช่ของชิ้นใหญ่อะไร แต่คนทีนี่ ทีวี 40 นิ้ว เครื่องเสียง โซฟา เตียงนอน ฟูก ฯลฯ เต็มไปหมด ครั้นเวลาย้าย ก็ใช่ว่าย้ายใกล้ๆ บางคนก็ย้ายต่างรัฐ ต่างเมืองเลยก็มี การให้บริการ moving ก็เลยเป็นสิ่งที่แพร่หลาย หาราคากันได้ตามเนตทั่วไป

ระบบที่นี่ก็มักจะเริ่มคิดที่สองชั่วโมง อย่างเมืองที่เราอยู่สว่นใหญ่ก็อยู่ที่ราคา $120/ 2 hours ซึ่งรวมแรงงานสองคนกับรถบรรทุกหนึ่งคัน ส่วนใครจะของเยอะของน้อยก็แล้วแต่ เค้าก็คิดขั้นต่ำสองชั่วโมง บ้านใหญ่ๆ อาจใช้เวลาหลายวันก็ชาร์จกันไป ส่วนเราของน้อย วันนี้นัดเค้ามาเค้าเห็นนี่ยิ้มเลยบอกว่า You give me an easy job :D ก็ดี ว่าเราทำให้เค้าได้สบายๆบ้าง
เค้าเล่าว่าบางทีรับขนบ้านทั้งบ้านของเศรษฐี เฟอร์นิเจอร์สุดหรู และหนักโคตร มีหลากหลายมาก ส่วนเราทุกอย่างแพคไว้แล้ว ไม่ต้อง wrap ไม่ต้องอะไร ลากอย่างเดียว ก็ทำทุกอย่างเสร็จภายในสองชั่วโมง

สบายใจ ตัวเบาแล้วตอนนี้ ที่เหลือก็แค่แพคกระเป๋าเตรียมกลับบ้านเท่านั้น

ซักมะรืนนี้ก็คงเอาคอมไปคืนที่ออฟฟิศ คืนบัตรพนักงาน คืนทุกอย่าง แล้วก็สิ้นสุดสภาพความเป็นพนักงานแต่เพียงเท่านี้ ฮึบๆ อีกไม่กี่วันก็จะได้กลับบ้านแล้ว ตื่นเต้นเล็กๆ

Monday, March 25, 2013

Last day at work

Last day comes faster than I thought...


วันนี้เป็นวันทำงานวันสุดท้าย ซึ่ง effective จริงๆ คือ 31 มีนาคม จากที่เคยคิดว่าอ๊ะ ผ่านไปครึ่งปีแล้ว ปีนึงแล้ว ปีครึ่งแล้ว พอมาถึงตอนนี้กลายเป็นว่า อ๊ะ เหลือแค่อาทิตย์เดียวแล้ว สามารถ count down แบบนับวันกันได้เลยทีเดียว

วันนี้ก็ไม่มีอะไร ตื่นเช้ามาออฟฟิศเป็นวันสุดท้าย ก่อนที่จะกลับมาอีกทีเพื่่อคืนคอมและทำ process ลาออกตาม step ทั่วไป มีงานให้เคลียร์เล็กน้อย และดูเหมือนว่าจะยังไม่เสร็จ แต่ก็ไม่ซีเรียสอะไรนัก ถึงไม่ซีเรียสแต่ตอนนี้ก็ปาเข้าไปสองทุ่มละ -_-"

คิดๆแล้วก็ใจหายถึงแม้ว่าจะไม่ผูกพันกับออฟฟิศมากเท่าไหร่ นับเวลาที่ได้อยู่ ได้นั่งในออฟฟิศนี่น้อยมากกกก พูดถึงเพื่อนวงการ audit ก็เป็นขาจรทำงานกันแป๊ปๆก็จากกันเลยไม่ได้มีความผูกพันเหมือนกัน คนที่ทำงานด้วยนานสุดก็สองสามอาทิตย์เท่านั้น ด้วยความที่เรามีแต่จ๊อบเล็กๆสั้นๆ และเป็นจ๊อบนอกออฟฟิศ คนที่พบกันก็เพื่อจากลาซะมากกว่า จะมีคนที่ประทับใจก็ยังเล่น FB ทักทายทางอีเมลกันเป็นครั้งคราว

ถ้าพูดถึงคงไม่มีความผูกพันกับคนที่นี่เท่าไหร่นัก เพราะรู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าการมาของเรานั้นเป็นเรื่องชั่วคราว ที่ผูกพันคงเป็นการใช้ชีวิตแบบอิสระ ใช้ชีวิตอยู่กับตัวเองไม่ต้องวุ่นวายกับใครมากกว่า เป็น 20 เดือนที่ได้อยู่กับตัวเองมากจริงๆ เป็นช่วงเวลาที่พิสูจน์ว่าจริงๆ เราอยู่คนเดียวได้ รับผิดชอบตัวเองได้อย่างเต็มที่เลยล่ะ

วันสุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรมาก ต่อให้เป็นวันสุดท้ายก่อนจะบินออกจากอเมริกาก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่ากระซิบกับตัวเองเบาๆ ว่าขอบคุณนะ ช่วงเวลาที่ดีๆที่ผ่านมา ขอบคุณหลายสิ่งหลายอย่าง ความพยายามของเราเอง ความฝันของเรา และการสนับสนุนกำลังใจจากคนหลายๆคน ทำให้เราได้มีโอกาสมาลองประสบการณ์อะไรแบบนี้

มีทั้งความทรงจำที่ดี ไม่ดี ประทับใจบ้าง ไม่อยากจำบ้าง แต่โดยรวมแล้วมันเป็นหนี่งในช่วงเวลาที่แสนจะพิเศษของชีวิต เป็นช่วงเวลาที่บอกตัวเองบ่อยๆ มีหลายๆวันที่พูดกับตัวเองว่า ดีจังที่ได้มาอยู่ที่นี่ อย่างน้อยก็โชคดีถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาไม่นานนัก

ขอบคุณหลายๆสิ่ง หลายๆอย่างนะ เราในวันนี้ เราว่าเปลี่ยนไปจากจุดเริ่มต้นเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2011 ก้าวแรกที่มาถึง เจอเพื่อนๆ
ได้ลอง ได้ทำหลายๆอย่างที่ไม่เคยทำ ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำ
ได้ไปหลายๆที่ที่อยากไป หลายๆที่ที่ไม่คิดว่าจะได้ไป หลายๆที่ที่ไม่คิดว่าจะได้กลับไปอีก
ได้กินหลายๆอย่างที่ไม่เคยกิน อาหารหลากสไตล์ที่แทบไม่เคยได้ยินในเมืองไทย
ได้เจอคนหลายๆคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ ได้เป็นเพื่อนกัน ได้รู้จักกัน และสุดท้ายต้องจากกัน
ได้เก็บเงินพอสมควร ^^" ถึงแม้ว่ารายจ่าย และภาษีที่นี่จะหนักหนาสาหัสสากัน
ได้ shopping online ไปซุปเปอร์ แบบสะใจมากๆๆๆๆ
ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ เป็นคนในแบบที่เราอยากเป็น และรักในสิ่งที่ตัวเองเป็น
ได้กลับมารักตัวเอง อาหารการกินที่มีสุขภาพ (ปะปนกับขนมอร่อยๆ หรือไก่ทอดบ้าง) ได้ออกกำลังกายบ่อยมากๆ ไม่ต้องเจอรถติด ไม่ต้องรีบร้อนไปแข่งกันอัดในรถไฟกับใคร

ชีวิตมันสปอยเราเองจริงๆ  chapter ต่อไปก็คงเป็นการปรับตัวกลับไปอยู่ที่เดิม สินะ.......

และแล้วก็วันสุดท้ายจริงๆ