วันนี้ปิดห้องคุยกับ partner ไปชั่วโมงกว่าๆได้
หัวข้อที่คุยคือเรื่องการ clear review notes แล้วก็คุย Accounting practice เรื่อง Business Combination
(ขอโทษล่วงหน้าที่ไทยคำอังกฤษคำ เพราะนึกภาษาไทยไม่ออก แล้วก็คุยเป็นภาษาอังกฤษด้วยง่ะ)
ไม่แปลกเลยที่อยู่เมืองไทยแทบจะไม่ได้ยินจ๊อบไหนทำเรื่อง Business Combination เพราะมันไม่ใช่เทรนด์เมืองไทยเท่าไหร่นัก
ปกติเราจะเป็นพวก merger แบบซื้อกิจการ ปิดอันนั้นแล้วเปิดบริษัทใหม่ ตามกฎหมายไทยก็ต้องทำอะไรให้เรียบร้อย มีเรื่องภาษี มีเรื่องการจดทะเบียนเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้งานตรวจสอบบัญชีเป็นเรื่องที่ไม่ยุ่งยากนัก
แต่อเมริกา ประเทศที่แขกไปใครมามากมาย บริษัทนึงถูก take over มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แล้วก็มีบริษัทที่เรียกว่า "Private Equity" ซึ่งตั้งมาเพื่อการไปลงทุนที่บริษัทอื่นโดยเฉพาะ (แทนที่จะลงทุนหุ้น หรือลงทุนผลิต ขายของ ก็ดันลงทุนในบริษัทนู้นนั้นนี้ เพื่อหวังว่าบริษัทเติบโต แล้วเอาไปขายต่อทำกำไร)
เวลาจะ take over ทีก็มีหลายๆเรื่องเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องประเมินราคา มูลค่าของบริษัท สินทรัพย์ พนักงาน รายชื่อลูกค้า(ที่มีมูลค่าในอนาคต) ฯลฯ แถมเวลา take ก็ทำแบบเนียนๆ คือ แค่เปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้น แล้วเอาเงิน เงินกู้มาลงให้ บริษัทที่ลงบัญชีก็ลงต่อไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีการควบรวมเกิดขึ้น
แล้วออดิทล่ะ ? ถึงเวลาก็ต้องมาคุ้ยหาตัวเลขเอา ว่าตอนที่เค้าซื้อกิจการนั้นมีมูลค่าเท่าไร ลงบัญชียังไง ต้องรับรู้ Goodwill เท่าไหร่ (อ้วกแตรกค่าาา)
แต่ที่นี่ก็ดี ถึงเราจะเป็น senior เล็กๆ (แถมกะเหรี่ยง) partner ก็อธิบายอย่างตั้งอกตั้งใจ ไปคุ้ย literature มาให้ด้วย ว่า ต้องอ่านทำความเข้าใจ เขียนอธิบายแบบนี้นะ อยู่เมืองไทยไม่เคยได้คุยกับ partner จริงๆจังๆ แบบนี้เลย แบบที่ให้ความรู้สึกว่าเราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เรื่องนี้มันน่าสนใจอะไรแบบนี้
ถ้า partner เมืองไทยเวลาคุยก็คงเป็นเรื่องแก้งบ นู่นนี่แทนแล้ว ไม่ได้มีโอกาสมาคุยถึงลูกค้าแบบนี้ แล้ว partner ก็มีเล่าให้ฟังด้วย ว่าทำไมลูกค้าถึงทำกิจการแบบนี้ เบื้องหลัง insight strategy เป็นยังไง อนาคตน่าจะเป็นแบบไหน ไปคุยกับลูกค้ามาแล้วก็เล่าให้ฟัง แอบปลื้มขึ้นมาเลยทีเดียว
แรกๆ ก็ไม่เคยชินกับการคุยกับ partner นะ อยู่เมืองไทย การเข้าห้อง partner ดูเหมือนต้องเป็นประเด็นสำคัญ ยกเว้น partner ที่ใจดีๆ เข้าถึงน้องๆก็โอเคอยู่ แต่โดยทั่วไป เราไม่ค่อยได้มีโอกาสแบบนั้น แล้วพอมาอยู่นี่ก็รู้สึกว่า จะใช้ความรู้สึกวัฒนธรรมแบบเดิมไม่ได้แล้ว (งานตรูไม่เสร็จพอดี) ก็เลยลองเปลี่ยนแปลงดู
เมื่อเปลี่ยน ก็มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้น บางทีก็ดีกว่าที่คิดไว้เยอะนะ ทำให้วันนี้ยิ้มขึ้นมาได้นิดนึง หลังจากที่ทำงานหนักมาตลอดสองอาทิตย์
จ๊อบที่ทำอยู่มันลากยาวมากกกก ทำมาตั้งแต่เดือนมีนาคมแล้ว จนตอนนี้งบยังไม่ออกเลยอะ (และไม่มีท่าทีว่าจะออกใกล้ๆนี้ด้วย) หวังว่ามันจะออกในไม่ช้านี้นะ (ปีที่แล้วออกเดือนกันยา แค่ 9 เดือนจากวันปิดงบเท่านั้น)
จะว่าไป Business Combination ก็เป็น topic ที่น่าสนใจนะ :)
No comments:
Post a Comment