จั่วหัวดูเหมือนจะเป็นเรื่องความรัก แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่อยากจะเขียนถึงเป็นเรื่องงานล้วนๆเลย
อาทิตย์นี้เจอโรคเลื่อน เลยมีเวลาว่างไม่ต้องไปทำงานที่ลูกค้าสองถึงสามวัน ทาง Resource Planning Team ก็เลยจัดงานด่วนเพื่อไม่ให้กะเหรี่ยงอย่างเราต้องอยู่เดียวดาย
ปรากฎว่างานที่จัดให้ คือให้ไปนับ Stock จ้าา สำหรับที่นี่การที่ให้ senior อย่างเราไปนับถือเป็นเรื่องแปลก เพราะการนับสต๊อกถือเป็นเรื่องสำหรับเด็กน้อยปีสองปีแรกเท่านั้น ถ้าใครได้เป็น senior แล้ว ก็มีหน้าที่วางแผน ติดต่อเด็กเท่านั้น แต่ในเมื่อศุกร์นี้เราว่าง แล้วคนขาดพอดี เค้าก็เลยจัดการส่งเราไป
เห็นชื่อลูกค้าแล้วตกใจ เป็นบริษัท FMCG บริษัทแม่อยู่สวิซ ที่ผลิตหลายอย่างตั้งแต่ กาแฟ นม ไอติม น้ำดื่ม (เออ น่าจะรู้แล้วนะว่าบริษัทอะไร) คราวนี้ได้รับมอบหมายให้ไปนับโรงงานผลิตน้ำ ที่ตกใจก็คือ
จริงๆแล้วออฟฟิศที่ Atlanta ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวกับบริษัทนี้ ออฟฟิศที่ได้ทำการตรวจสอบจริงๆอยู่ที่ Connecticut แต่ด้วยความที่อยู่ไกลจากโรงงานซึ่งอยู่มาซะใต้เชียว ก็เลยมีการหยิบยืมสตาฟกันให้ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายบ้าง แต่ที่สำคัญคือ บริษัทนี้เป็นบริษัทที่เราเคยตรวจสมัยอยู่เมืองไทย ย้อนกลับไปสามสี่ปีที่แล้วก็เคยมีได้ไปนับสต๊อกโรงงานผลิตน้ำเหมือนกัน
อยู่เฉยๆ ก็เลยนึกขึ้นมา ว่าสิ่งที่เคยมองมาจากไกลๆ สมัยทำอยู่ออฟฟิศที่เมืองไทย เคยคิดเคยสงสัย ว่าคนที่นี่เค้าทำงานกันยัง ส่วนใหญ่เป็นบริษัทแม่ มีลูกมากมายอยู่ทั่วโลก ตอนเค้าวางแผน ทำ audit instruction มันเป็นสภาพแบบไหน ทีมงานใหญ่มั้ย ทำงานกันดึกมั้ย
ตอนที่อยู่เมืองไทย เคยอยากรู้ อยากได้มาสัมผัสมาพบเจอด้วยตัวเอง แล้วก็ดีใจจังที่ได้มีโอกาสมาเห็นมาสัมผัส เข้ามาใกล้ๆ ในสิ่งที่เราเคยคิดว่าไกลแสนไกล
พอมาเห็น ก็รู้สึกว่าระบบการทำงานเค้าแตกต่างกับของเราจริงๆ ระบบการคิดการจัดการ ก็เรียกได้ว่าต่างกันเป็นอย่างมาก ที่เห็นได้ชัดเลยคือ การนับสต๊อกของที่นี่จะต้องมีการฝึกฝน! คือเด็กที่เข้ามาใหม่ๆ จะไม่มีให้ไปนับเองคนเดียว ออกจ๊อบคนเดียว แต่จะต้องให้ไปกับคนที่มีประสบการณ์ (อะไรจะขนาดน้านนน) หรือเรียกว่าไปทำการ shadow คือไปสังเกต เรียนรู้ตามรุ่นพี่นั่นเอง แล้วการนับสต๊อกที่นี่ไม่ใช่เรื่องสนุกเหมือนเมืองไทยเลย เพราะมีความรับผิดชอบที่ตามมามากมาย ต้องทำ cut off, complete inventory count instruction, memo เก็บเอกสาร ทำทุกอย่างแต่ต้นจนจบจริงๆ รายละเอียดต้องเก็บครบ ว่าก่อนนับ เวลานับ หลังนับ ตาม instruction เป๊ะๆ
กว่าจะได้ไปนับกันแต่ละงานต้องมีการคุย brief งาน ว่า จะนับอะไร กี่ชิ้น นับอันไกน เจอใครบ้าง ต้องไปถามอะไร ละเอียดมากกกกก
นึกถึงสมัยที่เราเป็นเด็กๆ ที่นับสต๊อก ไปแค่นับๆ แล้วกลับ พี่ senior/ in-charge ก็บอกว่าไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวพี่จัดการเอง นึกถึงตอนนั้นแล้ว โหหห ทำกันไปได้เนอะ
อีกอย่างที่ชอบก็คือ ชอบการประชุม และ planning ที่นี่จัง เราอาจจะแปลก เพราะชอบทำ planning มากกว่าการลงมือทำเพื่อหาความท้าทายตื่นเต้น ถ้าเป็นเรื่องงานก็อยากจุะรู้ทุกอย่างล่วงหน้าให้มากที่สุด พอมาที่นี่ทุกทีมจะมีการวางแผนงาน มี partner manager เข้ามาพูดคุยเป็นชิ้นเป็นอัน manager เองก็ใส่ในในรายละเอียดค่อนข้างมาก ว่าอยากจะปรับปรุงอะไรตรงไหน ทุกคนรู้ขอบเขตหน้าที่ของตัวเอง เราชอบที่ manager ส่วนใหญ่เข้ามามีบทบาทในการช่วยทำ planning ช่วยเรื่องการสัมภาษณ์ลูกค้า หลายๆชิ้นงาน manager ก็ลงมือทำเอง เก็บรายละเอียดเอง ส่วน partner ส่วนใหญ่ก็สามารถเข้าไปพูดคุย ถามปัญหา ให้ตัดสินใจอะไรเล็กๆ น้อยๆ ได้เลย (ถ้าไม่บ่อยเกินไป)
เหมือนกับว่าการทำงานมันมีการ communication ที่ชัดเจน และเปิดเผยกว่ามาก และการที่เป็นแบบนี้ เราว่าเรื่องดราม่าเวลาประเมินผลมันก็น้อยลงด้วย ไม่ใช่ไม่มี แต่ไม่น่าจะดราม่าเท่าเมืองไทยนะ :p
ส่วนเด็กๆ ก็ค่อนข้างทำงานกันรับผิดชอบมากทีเดียว อาจจะมีแอบทิ้งงานบ้าง แต่ถ้าจิกมันก็ทำ ส่วนใหญ่ก็เห็นเคารพ in-charge/ manager กันดี ความคิดที่เคยคิดว่าเด็กอเมริกามันคงพูดจาทำท่าทางข้ามหน้าข้ามตาไม่นับอายุ ก็ไม่เป็นเรื่องจริงเลย (เท่าที่เราพบเจอ)
ยังรู้สึกว่า Seniority มีทุกสังคม ทุกออฟฟิศ แต่มันเป็นความเกรงใจในแบบที่พอดี ไม่ใช่ความเกรงกลัว
อย่างเช่น manager ปฎิบัติกับลูกน้อง ก็พูดคุยได้ใกล้ชิดกว่า แต่ว่าเราก็ยังเกรงใจ ในขณะเดียวกันก็ไม่ห่างเหิน แต่ก็ไม่ได้เล่นหัว ความสัมพันธ์ระหว่าง manager กับ partner ก็เหมือนกัน คือมีความเกรงๆ เป็นอย่างมาก แต่ไม่มากถึงขนาดทำให้ปิดบังเรื่องต่างๆ หรือไม่พูดคุยกัน
เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งปีที่นี่แล้ว พอกลับไป ทุกอย่างมันก็คงกลายเป็นอดีตนั่นแหละ ที่เคยใกล้ ก็คงไกลห่างออกไปเรื่อยๆ แต่อย่างน้อยเราก็ยังยิ้มกับมัน ว่าวันหนึ่งวันนี้เราก็เคยมาอยู่ใกล้ๆ สิ่งที่เราคิดว่าไกลแล้วนะ :)
No comments:
Post a Comment