Friday, September 16, 2011

First 7 days in Atlanta

มาอยู่ Atlanta จะครบอาทิตย์แล้ว

เป็นช่วงเวลาที่ต้องพึ่งพาตัวเอง มีแต่ตัวเราเองจริงๆ

แต่ในความเหงาเปล่าเปลี่ยว ก็ยังมีความบังเอิญ และความโชคดีอยู่บ้าง ได้เจอเพื่อนดีๆ และคนไทยหลายคน

วันที่สาม (12 Sep) ออกไปข้างนอกกับคุณ Sandee ที่เป็นตัวแทนที่บริษัทจัดไว้บริการเรา นอกจากเค้าจะเตรียมพวก map และเอกสารที่จำเป็นต่างๆ เค้าก็พาเราไปทำเรื่อง Social Security ไปทำบัตรเดบิต เครดิต เปิดบัญชีธนาคาร พาไปดูบ้าน และรับรถเช่าจาก Avis

รถที่ได้เป็น Ford Focus รถเล็กดี น่าจะประหยัดน้ำมัน
ทะเบียนเป็นของ Florida มาจากทางใต้ลงไปอีกแฮะ แต่รถสภาพใหม่มากๆ เพราะเพิ่งขับไปสองหมื่นกว่าไมล์เท่านั้นเอง  ภายในก็เจ๋งดี มี Roof top เปิดปิดบนหลังคาได้ด้วย

ส่วน interior ก็ออกแนว sporty มีไฟวิบวับ พร้อมเครื่องเสียงที่ดีพอควร (มีสายต่อ ipad, USB, microsoft ด้วย)  แต่รู้สึกมันเร่งไม่ค่อยดี แถมเสียงดังมากๆ เวลาเร่งเครื่องเหมือนรถแข่งเลยอะ -_-"

ถ้าเทียบกับ Hyundai ที่ขับที่ New Jersey นี่คนละเรื่องเลย แต่ก็อย่างว่านะ Hyundai Sonata มันเป็น mid-size ในขณะที่เจ้านี่เทียบกับ Yaris เท่านั้นเอง

แล้วคนที่ Atlanta ขับรถโคตรเร็ว แถมไม่ค่อยมีน้ำใจ ไม่มีวินัยด้วย ก็ตามประสาสังคมเมืองที่ทุกคนรีบเร่งกันอะนะ ถนนก็เบียดๆกัน ระยะจอดก็ใกล้เคียงกับกรุงเทพเลย แต่ความกังวลลดลงนิดนึงเพราะไม่มีพี่วิน มอเตอร์ไซค์เนี่ยแหละ เลยขับง่ายขึ้นเยอะเลย


วันแรกเค้าพาไปดูแค่ที่เดียว กลับมายังไม่เย็นมาก เราเลยขับรถออกไปเองอีก ดูไปอีกสองสามที่

จบไปวันแรกยังหาบ้านไม่ได้ เริ่มกังวลใจมากมาย เพราะบ้านที่หามา ราคาแพงๆเฉียดพัน ทั้งนั้นเลย :(

----------------------------------------------------------------------------
วันที่่สี่ (13 Sep) ออกไปข้างนอกหาบ้านกับคุณ Sandee อีกตามเคย

คุณ Sandee เป็นคุณป้าคนขาวแก่ๆ ที่ค่อนข้างหัวโบราณทีเดียว เวลาอยู่กับ Sandee ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับคุณแม่คุณยายประมาณนั้น คือรู้สึกเกรงอกเกรงใจ ไม่อยากทำลายน้ำใจเค้า

เค้าก็พยายามหาสิ่งที่ดีที่สุด (และแพง) ให้เราอะนะ อย่างเช่น เค้าแนะนำว่าเราควรหาบ้านเช่าที่อยู่ใน gated communities คือ มีรั้วกั้นแบบต้องใช้รีโมท ไม่ใช่ใครหน้าไหนก็เข้าได้เพื่อความปลอดภัยของเรา

คุณป้าพยายามหาที่พักที่ใกล้ MARTA หรือรถไฟฟ้าของเมืองนี้ และใกล้ shopping malls/ grocery shops เพื่อความสะดวกสบายของเรา แต่ของพวกนี้มันก็แลกมากับค่าเช่าที่แพงขึ้นอะนะ

โดยคุณป้าลืมคำนึงไปว่า เราขับรถได้ และเราไม่ค่อยอยู่บ้าน

สิ่งที่คุณป้าลืมมากที่สุดคือ เรา "ประหยัด (หรืองกฟระ)"!!!!! เป็นคีย์สำคัญเลย

เพราะฉะนั้นคุณป้ากับเราก็เลยดูเหมือนจะไปกันไม่ค่อยได้ในด้านการหาคำตอบโจทย์ของเรา

แต่โดยรวมอยู่กับคุณป้าก็ยังทำให้รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา ว่าไม่ได้ไปไหนตัวคนเดียว T_T

----------------------------------------------------------------------

วันที่ 5  ขอ time-out กับคุณป้าเพื่อไปหาเพื่อน

วันนี้ กับเพื่อนคนนี้ นึกออกถึงคำสามคำเท่านั้น "ความบังเอิญ โลกกลม และโชคดี"


ความบังเอิญ ของเรื่องนี้เกิดขึ้นจากความใจดีของเพื่อนสมัยมหาลัยของเราคนหนึ่ง
ที่ FB message แนะนำเพื่อนสนิทของเค้าสมัยม.ต้น ที่มาใช้ชีวิตอยู่ที่ Atlanta หลายปีแล้ว อยากให้รู้จักกันไว้ เผื่อเราจะถามไถ่อะไรได้

ความโลกกลม พอ add Facebook ดูไปดูมา อ้าววว เพื่อนคนนี้ เป็นเพื่อนสมัยประถม (ที่พลัดพราก) ของเราเหมือนกันนี่นา เพราะฉะนั้นเราก็เลยเริ่มคุยกับเพื่อน S (ขอใช้นามสมมติ เพื่อความเป็นส่วนตัวของเพื่อน 555)

ด้วยความบังเอิญ และความโลกกลม กลายเป็นความโชคดี


คุยกับเพื่อน S เล็กน้อย เพื่อน S ใจดีมาก บอกว่าเค้ามี Day-off พอดี เลยอาสาพาเราไปหา apartment ที่คาดว่าจะอยู่ใน budget เรา

เรานัดเจอกันตอนสิบเอ็ดโมงที่ร้านอาหารไทยที่เพื่อน S เป็นผู้จัดการร้านอยู่
ตะลอนทัวร์ไปแทบทั้งวัน หยุดกินกันนิดหน่อยที่ร้าน bakery สไตล์เกาหลี

ชื่อร้าน Wind mills สไตล์เอเชียเลย คือหวานกำลังดี นุ่มนวล
ราคาก็ไม่แพงมาก และชิ้นพอดีๆด้วย


ขายเบเกอรี่ มากมาย

รวมทั้งเค้กชั้นดี ชิ้นเหมาะเจาะไม่ใหญ่อย่าง Cheesecake Factory

กินรองท้องอย่างพอเพียง กับชาเขียวเย็น และขนมปังกะหรี่
เสร็จจากเติมพลังก็ไปกันอีก เท่าที่นับๆดูก็เกิน 7 ที่อะนะ

จนตกเย็นหน่อย ก็ไปเยี่ยมเยียนร้านอาหารที่เพื่อน S ทำงานอยู่ 
ฝากท้องไว้กับร้านอาหารไทย อาหารไทยมื้อแรกใน Atlanta และมื้อที่สองตั้งแต่มาที่อเมริกานี้

อร่อยจังงงงงง >__< ก็กินผัดไทย และปลา Tilapia (ปลานิล) ผัดพริกขิง 
เสร็จปุ๊ป ก็นั่งรอ คุยๆกันจนร้านปิดตอนสี่ทุ่มกว่าๆ 

และแล้วความโชคดีสุดท้ายก็มาถึง

เราพบ roommateS ที่นี่นั่นเอง!!!!

No comments:

Post a Comment