Tuesday, September 20, 2011

ฉันมาทำอะไรที่นี่? ที่ Columbus, Georgia

วันนี้กระเทียมลีบลงกว่าเดิมอีกหนึ่งระดับ ขั้นหกจากสิบละกัน
ตอนเช้ากินข้าวเสร็จออกจากโรงแรมประมาณ 7 โมงครึ่ง ต้องทิ้งโรงแรมนี้ไว้สองคืน เพราะว่ามันยุ่งยากเกินที่จะบอกบริษัทว่าเราต้องไปค้างอ้างแรมที่อื่น (เดี๋ยวโดนตัด per diem อะนะ 555)

จิ้มไปที่ GPS เพื่อนรัก จุดหมายวันนี้อยู่ไกลกว่า กรุงเทพ หัวหินซะอีก กดไป

Current location: Residence Inn Atlanta

Destination: Columbus, Georgia



สองชั่วโมงเต็มๆ ระยะทางจากอากู๋ คือ 114 ไมล์ 183 กิโลรวด

แล้วดินฟ้าอากาศเข้าข้างมาก Tornado เข้าแต่เช้า เลยฝนตก ฟ้าครึ้ม ตกแบบปรอยรั่วๆบ้าง หนักบ้างตลอดทาง เลยทำให้ขับได้ไม่เร็วเท่าไหร่ (จากแต่เดิมถ้าใครรู้ว่าเราก็ขับค่อนข้างช้าและขี้กลัวอยู่แล้วอะนะ)

ไปถึง 9.40 ได้ จอดรถ และไม่ลืมที่จะนึกในใจกล่าวขอบคุณ GPS เล็กๆ ที่ทำให้เราที่เดินทางตัวคนเดียวมาถึงโดยสวัสดิภาพ

แอบแวะเติมน้ำมันที่ที่ Columbus ถูกกว่าที่ Atlanta เกือบ 30 cent/ Gallon แน่ะ ดีที่อั้นมาเติมที่นี่ ประหยัดได้เยอะเลย

พอถึงที่ออฟฟิศลูกค้า ก็โทรเรียกเด็ก Junior (ที่นี่เรียก Associate) ลงมารับที่ Lobby ลูกค้า น้อง Stella (นามสมมติ) เป็นฝรั่งผิวขาว สูงยาวเข่าดี ทักทายจับมือกันเล็กน้อย Stella แนะนำตัวว่าเป็นจูเนียร์น้อยเพิ่งเข้าทำงานเมื่อเดือนสิงหาคม ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ คุยกันเล็กน้อยชีก็พาเดินนำไปห้องออดิท

บร๊ะเจ้า!!!! ห้องออดิทที่ลูกค้ายังมี Cubicle (แปลเป็นไทยว่า "คอก") ให้ทุกคนเข้ามุมของตัวเอง!! นึกถึงเวลาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดแล้วมีคอกกั้นแบบนั้นเลย ใหญ่พอที่จะอยู่ได้สิบกว่าคน

แต่วันนี้มีกันทั้งหมด 5 คน เป็น manager 1 คน Senior 2 คน (ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง) ใครไม่รู้อีกหนึ่ง และ Stella รวมเราก็หกคนพอดี

Senior สาว คือ Skinny (นามสมมติ) เป็น buddy ของเราเอง คือเป็นคนที่จะต้องคอยแนะนำ สอนงานนู่นนี่ให้เราอะนะ น่าแปลกที่จ๊อบนี้ไม่มีผู้หญิงอ้วนเลย สาว Skinny ก็เก๋ๆ เป็นสาวผมบลอนด์ ใส่เสื้อเชิ้ต กระโปรงสอบเอวสูง กับรองเท้าสูงปรี๊ด แถมผอมมากๆ ในขณะที่ Stella ก็ไม่อ้วนเท่าไหร่

เอ หรือที่เค้าบอกว่าคนใต้อ้วนจะเป็นเรื่องในอดีตแล้วนะ?

แนะนำตัวกับคนในทีมล็กน้อย (เล็กน้อยจริงๆ คือบอกว่าเราชื่ออะไร) จับเราเข้ามุมแล้วก็แยกย้ายต่างคนต่างทำงานเงียบหายไปหลายชั่วโมง

เป็นห้องออดิทที่เงียบมากกกก 2 senior มีคุยกันเป็นพักๆ แต่ด้วยเรื่องงานล้วนๆ

ส่วนเด็กจูเนียร์ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไป ถามเมื่อสงสัย แต่ไม่มีถามเป็นต่อยหอยแบบน้องๆที่เมืองไทย 555

เวลาผ่านไปประมาณเที่ยงครึ่ง ไวมากกก เพราะนั่ง chat ผ่าน Office Communicator กับเพื่อนอีกคนที่อยู่ Washington DC แนวปรับทุกข์กันไป รวมถึงปรึกษาเรื่องชอปปิ้งซื้อของด้วย

หมู่คณะก็ชวนกันไปกินข้าว ขับรถกันไปสองคัน ไปร้านไก่ทอด Fast food แนว KFC แต่เป็นร้านเชนชื่อดังของรัฐทางใต้ๆ ชื่อว่า Zaxby’s

House salad- $6.49
นอกจากกิน แดกไก่ทอดแล้ว (ขออภัยหากไม่สุภาพ) ก็เกิดอาการ "จ๋อยแดก" ร่วมด้วย เนื่องจากหัวข้อสนทนามื้อกลางวันวันนี้คือ "American Football" เป็นการเก็บตกแมชใหญ่อาทิตย์ที่ผ่านมา ทุกคนเจรจากันออกรสออกชาติแมกซ์ ต่างคนต่างมีทีมของตัวเอง เหมือนแมนยู กับลิเวอร์พูลยังไงยังงั้น

ส่วนเราที่ไม่รู้แม้แต่ว่ามันเล่นยังไง ก็เลยก้มหน้าก้มตากินสลัดไก่ และแดกจ๋อยต่อไป...

กลับมาตอนบ่ายก็ได้งานขำๆ  copy and paste เข้าโปรแกรมเล็กน้อย จนเลิกงานประมาณ 6 โมงก็แยกย้ายกัน

แยกแบบแยกจริงๆ เพราะต่างคนต่างจองโรงแรมคนละที่ ไอ้คนที่เชี่ยวชาญอยู่มาก่อน ก็จอง Marriott สุดหรู แพงสุดในเมืองไว้ ส่วน Stella เป็นจูเนียร์น้อยจองไม่ทันก็ได้ Fairfield Inn โรงแรมสามดาวไป

ส่วนกะเหรี่ยงไทยอย่างเรา จองอะไรไม่ได้ก็เอาวะ Courtyard Marriott ไหนๆ ที่ไป Courtyard ชะอำบ่อยๆ ก็ไม่แย่อะไรหนิ แต่พอบอก Skinny เพื่อนเลิฟไป ชียืนยันว่าโรงแรมมันอี๋มากๆ แนะนำปนหวังดีให้หาโรงแรมอื่นอยู่ เราก็ซื่อและเชื่อ เลยต้องระเห็ดระเหเร่ร่อนหาโรงแรมกลางสายฝนขากลับจากลูกค้าอีกรอบ T_T

ด้วยความที่เมืองนี้มันไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว หรูสุดก็ Marriott นั่นแหละ เลยเปิดไล่จากเนตหาโรงแรมที่เหมาะสมกับความเป็นวิชาชีพอย่างเรา ดีสุด (แพงสุด) ที่ไม่เต็มคือ Holiday Inn Columbus

วันนี้ก็เลยมาลงหลักปักฐาน เช็คอินเอง ลากเป๋าเอง สิงสถิตย์ที่นี่สองคืน

King size นอนคนเดียว (อีกแระ)


จุดเด่นของเครือ Holiday Inn ที่นี่คือให้ amenities ของ Bath and Body Works

สระว่ายน้ำสวยดี แต่ฝนตก และหนาวโคตร

โรงแรมมีแค่สองชั้นเท่านั้น

Welcome Pack เล็กน้อย
โรงแรมไม่ได้ดีอะไรมาก แอบน่ากลัวเล็กน้อยเพราะคนดำเยอะด้วยล่ะ แต่เช็คอินเข้ามาแล้วทำไงได้ ก็ต้องเซฟตัวเอง โดยการไม่ไปว่ายน้ำโชว์อะนะ 555

เลยเก็บตัวเอง ล็อกกลอน DEAD BOLT อยู่ในห้อง เตรียมต่อสู้ชะตากรรมพรุ่งนี้ต่อไป

ข้อคิดวันนี้

1) ตอกย้ำต่อจากเมื่อวาน ว่าไม่มีใครสนใจจริงๆ ว่าเราเป็นใคร วันนี้ไม่มีใครถามเราเลยล่ะ ว่าเรา "มาจากไหน" (ไม่สงสัยกันหรือไงฟระ ว่าพูดอังกฤษสำเนียงแบบนี้ หน้าตาแปลกๆขนาดนี้ มันเป็นใครมาจากไหน)

2) ต่างคนต่างอยู่ รับผิดชอบตัวเองได้เป็นพอ

อย่างวันนี้ตอนกลางวัน Stella ทำบัตรตกหาย ก็ไม่มีใครมาเป็นห่วงเป็นใย

ถ้าปกติ พี่อินชาร์จจะต้องมีน้ำใจช่วยหา ช่วยถามไถ่ แต่นี่ก็ให้มันหาไปเงียบๆคนเดียว (ดีที่หาเจอ)
สิ่งที่คุยกันตอนกลางวัน ที่ถามเราก็แค่ จะมาอยู่นี่นานเท่าไหร่ จ๊อบต่อไปคือที่ไหน...จบ

3) ออดิทที่นี่ "เลือกได้" จริงๆ เลือกโรงแรม เลือกความเป็นอยู่ที่ดี ที่เหมาะสมและปลอดภัยกับตัวเอง  ทุกอย่างไม่ได้อยู่ในกำมือลูกค้า

ทุกคนอยู่ห้องส่วนตัวของตัวเอง ไม่ต้องอัดกันเป็นปลากระป๋องสามคนห้องด้วยล่ะ

แต่ในขณะเดียวกัน เราว่าเค้าทำตัวเหมาะสมกับคำว่า Professional นะ ไม่มีใครแต่งตัวโป๊ๆ หรือหวือหวา กระโปรงลายจุด ลายดอกไม้ แต่ก็ไม่ได้แต่งตัวแบบสูทอะไร ก็เชิ้ต กางเกง กระโปรง สีสุภาพกันทุกคน

เรื่องความเป็นมืออาชีพที่เราชื่นชมคือ

ไม่คุยเล่นในเวลางานจริงๆ เวลางานคือเวลางาน รับผิดชอบงานของตัวเองให้เต็มที่

ถ้าเกิดเราถาม เค้าก็จะตอบ แต่จะไม่พูดพล่าม หรือย้วยอะไรให้เสียเวลา

ไม่กินขนมจุบจิบ.... เห็นเค้ากินอย่างมากก็พวก snack bar พวก Mars, Snicker ไรงี้

ทุกอย่างต้อง track ได้

จำได้ว่ามีผู้ใหญ่ในออฟฟิศที่ไทย เคยสั่งให้พนักงานอย่างเราๆ track ว่าทำอะไรไปกี่ชั่วโมงในแต่ละวันบ้าง เราจำคำพูดตัวเองได้เลยว่า "ใครจะทำได้ฟระ"

แต่ที่นี่ "หนูทำได้ค่ะ แตแด๊ด แตแด๊ด"  เราเห็นน้องจูเนียร์จะมี note pad ส่วนตัวจดสิ่งที่ตัวเองทำตลอด เช่น
8.30-9.30 ทำ walkthrough
12.30-1.30 พักกลางวัน
3.30 พาเราไปทำบัตร visitor

จดไว้ละเอียดมากกก เพราะฉะนั้น เค้าจะสามารถติดตามรายงานได้เลย ว่าเสียเวลาไปกับอะไรบ้าง ทำตรงไหนนาน ตรงไหนเสียเวลา ซึ่งเราว่าดีมากๆเลย

ส่วนเรื่องงานก็ไม่ค่อยอมงานกันนะ พอน้องทำงานเสร็จก็เห็นเค้าบอกอินชาร์จเลยว่าเสร็จแล้ว ส่วนตัวอินชาร์จเองก็จิกพอควร คือต้องมีให้รายงานระหว่างวัน ว่าตอนนี้ทำอะไรแล้ว เสร็จชิ้นไหนไปแล้วบ้าง

ถ้าเป็นเรื่องงาน เราว่าเค้ามีการสื่อสารที่ดีในการวางแผนงานร่วมกัน มากกว่าคุยเล่นอีกล่ะ :)

ส่วนตัวเรา วันนี้ยังไม่ได้ทำอะไร เพราะรู้สึกได้เลย ว่าเค้ายัง "ไม่ไว้ใจ" ที่จะให้ทำ เพราะไม่รู้ว่าระบบการทำงานของที่ไทย กับที่อเมริกาเหมือนกันมั้ย

มีถามด้วยนะว่าที่ออฟฟิศเรามี control testing มั้ย??? ไปอยู่ไหนมาาาา ได้ข่าวมันเป็นมาตรานการสอบบัญชีสากรเหอะ -_-"

ถามว่าที่เมืองไทยมีใช้โปรแกรมนี้มั้ย (คือเป็นโปรแกรมที่ใช้กันทุกบริษัททั่วโลกอะนะ) พอเราบอกว่ามีเหมือนกัน ยังถามต่ออีกว่าเหมือนกันขนาดไหน จนต้องบอกว่า เหมือนกันทุกอย่างง ชีถึงจะพอใจ -_-"

ไม่อยากจะบอกว่า เราเป็น trainer นี้ที่ออฟฟิศเราด้วยเหอะ ปล่อยให้คิดว่าเราโง่งงแบบนี้อะดีแล้ว  ขำๆ

แล้วอย่างมี invite ชื่อเข้าจ๊อบ เรา connect ไม่ได้ เลยรู้เลย ว่าต้องเกิดจากพิมพ์ชื่อผิดแน่ๆ (ก็ชื่อไทย นามสกุลไทยมันโคตรสับสน) เค้าก็ไม่เชื่อเราเลย เค้าต้องถามเราหลายครั้งมากๆ ว่าเราทำเป็นมั้ย รู้ได้ไงว่าเราไม่ได้ผิด???  -_-"

ถึงจะกะเหรี่ยง แต่เมืองไทยก็มีโปรแกรมนี้ใช้มาเกือบปีแล้วน๊า T__T

อืมม แล้วเรื่องที่เค้าคงไม่ไว้ใจให้ทำ ก็คงเป็นเพราะเรื่องภาษาด้วยแหละ ลำพังคุยกันเล่นๆ ก็ไม่ค่อยจะสื่อสารกันได้ 100% แล้ว คงไม่ค่อยกล้าให้เรา document งานอะไรเท่าไหร่  ตอนนี้ศักดิ์ และศรี นี่ตกต่ำยิ่งกว่า Junior น้อยอีกนะ

นี่ฉันเป็น AM ที่ออฟฟิศ ที่เคยเรียกน้องๆ มารีวิวงาน ณ จุดนี้ back to basic มากๆ ต้องคอยของานอินชาร์จทำ หึหึ มีอะไรแบบนี้บ้างก็คงจะดี

ส่วนที่ทำให้ไม่มั่นใจก็คือ การที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานที่ไม่ถนัดเนี่ยแหละ มันสนุกที่ได้เรียนรู้ แต่มันทำให้ความรู้ที่เราเคยมีไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับเราเลย

เหมือนเริ่มต้นจากศูนย์จริงๆ ....

แต่นี่แค่ Day 2 อะนะ จะไม่ตัดสินอะไรจากภายนอก และแน่นอน จะยิ้มสู้ต่อไป!!!!

No comments:

Post a Comment