Wednesday, October 5, 2011

ชีวิตออดิทที่อเมริกา ก็มีมุมที่หรูบ้างไรบ้าง

จากที่เคยเล่าว่า มาออกจ๊อบต่างจังหวัด

คำว่าต่างจังหวัดที่หมายถึง ก็เพราะว่าตัว office เราอยู่ที่ Atlanta ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ
การออกนอกเมืองก็คือต่างจังหวัดล่ะนะ มาทำงานที่ Columbus ซึ่งเคยพูดถึงไว้ที่

ฉันมาทำอะไรที่นี่? ที่ Columbus, Georgia
http://www.toffee-in-usa.com/2011/09/columbus-georgia.html

วีคแรกยังไม่ประสีประสา เลยพักที่ Holiday Inn ไป
ส่วนวีคถัดๆมาเริ่มประสาแระ ก็เลยอัพชั้น

ได้มาพักที่ Columbus Marriott ซึ่งเป็นโรงแรม tier 4 รองจากระดับ Ritz Calton และเป็นโรงแรมที่ไฮโซที่สุดในเมืองโคลัมบัสเลยเชียว (แต่โคลัมบัสก็เป็นเมืองธรรมด๊าธรรมดาอะนะ)

บล๊อคนี้ก็เลยขอเบรกอารมณ์อันอ่อนไหวด้วยรูปโรงแรมแล้วกัน

ประวัติโรงแรม (มีประวัติด้วยเว้ยย)

แต่เดิม โรงแรมนี้เคยเป็นโรงงานทอฝ้ายหรือสำลี (มั้ยนะ)  มันคือ Cotton mill ตั้งแต่ปี 1861
พอมาทำเป็นโรงแรมก็ทำการ renovate ก่ออิฐขึ้นมาโดยคงสภาพ และการตกแต่งแบบ convention ไว้ ลักษณะในโรงแรมเลยจะเป็นอิฐสีแดง ยุคเก่าๆนิดนึง ไม่ได้เป็นแนว Modern เหมือน Marriott ในเมืองนั่นเอง

โดยตัวตึกที่เราอยู่มีทั้งหมด 6 ชั้น ชั้น 5-6 เรียกว่าเป็นชั้น VIP เนื่องจากต้องจ่ายแพงกว่า ไม่ก็ไว้สำหรับ Marriott member ที่เป็น silver ขึ้นไปเท่านั้น

สำหรับวีคแรก เราได้อยู่ชั้น 6 จัดเป็นแขก VIP เนื่องจากเราเป็น Silver Elite member ของ Marriott (ซึ่งได้มาจากการพักและสะสม 10 คืนเท่านั้นอะนะ)

ห้องนอนก็แอบเจ้าหญิงนิดๆ หมอนครบเซทเลย มีทั้งหมอนอิง หมอนข้าง หมอนหนุน
ห้องนอน King size
โต๊ะทำงาน มีน้ำเปล่าให้หนึ่งขวด ถังน้ำแข็ง นอกนั้นก็มีตู้เย็น(เปล่า)ไว้ให้


Sofa ก็จัดว่าสบายดี เหยียดแข้งเหยียดขาปรับนอนได้

ห้องน้ำ counter top เป็นหินอ่อน ไม่ชอบตรงที่ sink มันเล็ก และเตี้ยมาก
ดีที่มีกระจกส่องสิวให้ด้วย
 มีกาแฟ กับไดร์เป่าผมให้ตามสไตล์ Marriott เค้าล่ะ
 สิ่งที่คิดว่าหรูขึ้นมานิด ก็คือ Amenities ของ Bath and Body Works ที่มาในแพคเกจที่ทำให้แตกต่างออกไป เป็นคนละแบรนด์กับของเครือ Residence Inn

ที่มีให้มีทั้งหมด ห้าขวด ได้แก่ แชมพู ครีมนวด เจลอาบน้ำ โลชั่น และน้ำยาบ้วนปาก
อุปกรณ์ข้างเคียง มี สำลี คอตต้อนบัด ผ้าขัดรองเท้า และหมวกอาบน้ำ
 ส่วนเครื่องดื่มที่มีให้ คือ  Black tea, Camomile tea น้ำตาล ครีม sweetener กาแฟ ทั้งแบบธรรมดา และดีแคฟ แก้วกระดาษ พร้อมฝาทูโกสองใบ

 จบจากห้องนอน ก็ไปดูห้อง VIP Conceirge Lounge กันบ้าง
อย่างที่บอกว่าความพิเศษ VIP  ของชนชั้น 5-6 คือ สามารถเข้า VIP Lounge ได้
Lounger นี้มีอะไรบ้าง?

-มี Busniness center เป็นของตัวเอง แยกจากของโรงแรม สามารถมาเล่นเนต แสกน ปริ๊นงานได้เลย ส่วนกลางของโรงเป็นเครื่อง Mac ให้สองเครื่อง
- มีหนังสือพิมพ์หลากหลายให้อ่านฟรี อย่างพวก New York Times, Wallstreet Journal และนิตยสาร Forbies
- เด็ดสุด คือมีอาหารและเครื่องดื่ม
   อาหารเช้า เป็นบุฟเฟ่ต์  ไลน์เล็กๆ มี 4-6 อย่าง
   ออเดิร์ฟช่วงเย็น คือไม่ถึงขั้นเป็น full meal แต่ก็อิ่มได้ อย่างพวก อกไก่อบ กับสลัด
   มี full bar ซึ่งเสิร์ฟไวน์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (แต่ต้องจ่ายตังเพิ่ม)
   ขนมรอบดึก วันละ 1 อย่าง ที่เคยกินก็มีพวก Chocolate Fudge Cake, Tiramisu, Brownie

- มีแม่บ้านประจำ ไว้คอยตอบคำถาม คุย เก็บจานชามให้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องทิป
ห้องก็ไม่ได้ใหญ่อะไร จุดได้ประมาณยี่สิบคน


เสริ์ฟ Starubucks + Tazo tea ตลอดวัน

มี business center เป็นของตัวเอง 


จากนั้นก็พาลงมาดูที่ลอบบี้ และลักษณะการตกแต่งโดยรวม

ตรงนี้เป็นโถงหน้าลิฟต์ ตกแต่งได้อบอุ่นเหมือนในบ้าน (คฤหาสน์) มากๆ

หลังคาเป็นแบบโปร่ง รับแสงตอนกลางวันได้ เห็นฟ้าใสๆ ของโคลัมบัสแล้วน่านอนจัง

มีเปียนโนผี (ที่มันกดเล่นได้เองอะ) แล้วก็โซฟาให้นั่งรอได้


Coffee Shop ของโรงแรม จริงๆ ข้างในเป็น Starbucks น่ารักมากกก ดูอบอุ่นสุดๆ

 
 ส่วนอันนี้เป็นทางเข้าบาร์ และห้องอาหารของโรงแรม สำหรับอาหารมื้อเช้า (ถ้าไม่ใช้ Conceirge lounge)
 ทางเดินในล็อบบี้

 เดินออกมาดูบรรยากาศตึกรอบๆ


ใกล้ๆ โรงแรมเป็นรางรถไฟ จะได้เสียงหวูดๆ ทุกคืน (เสียงคลาสสิคมาก)

 ตึกตรงข้ามโรงแรมก็หน้าตาคล้ายๆกันคือใช้อิฐแดง

 สระว่ายน้ำอยู่ส่วนปีกข้างๆโรงแรม ไม่ค่อยมีคนว่ายเพราะอากาศเย็นมากทีเดียว


 สนนราคา ปกติอยู่ที่คืนละ $184++ สำหรับห้องธรรมดา
และ  $194++ สำหรับห้อง VIP ชั้น 5-6

จริงๆ ราคาก็ไม่ค่อยต่างกันมากอะนะ ก็เลยดูเหมือนว่าทุกคนจะได้อยู่ชั้น 5-6 กัน

ส่วนเรทที่ออฟฟิศเราจ่ายคือ $109++  ถูกลงเกือบครึ่ง เนื่องจากลูกค้าที่มาพักที่โรงแรมนี้ส่วนใหญ่ก็คือลูกค้าของบริษัทที่เรามาตรวจสอบนั่นเอง

ถามว่าแพงโคตรมั้ย ก็ไม่ได้แบบหรูหราขนาดนั้น

แต่ถามว่ามันเพี้ยนจากวิถีออดิทมั้ย  ถ้าเทียบกับโรงแรมที่เราได้พักในเมืองไทยก็ต่างกันมากเลยทีเดียว -_-"

ที่เมืองไทยส่วนใหญ่ก็จะได้นอนโรงแรมแบบที่พอนอนได้ บางทีก็เหมือนบ้านพักคนงาน service apartment เท่านั้น

ถ้าไม่ได้ออกจ๊อบโรงแรมที่จะได้มีโอกาสนอนหรูๆ ตามที่ลูกค้าจะมีให้แล้ว
ก็แทบไม่มีโอกาสได้นอนโรงแรมแบบที่อยู่ในเครือ Hilton, Marriott, Holiday Inn เลยก็ว่าได้

ชีวิตออดิทที่นี่มันช่างได้คุณภาพจริงๆ >_<

นอกจากได้พักฟรีๆ แล้ว ยังสะสมแต้มได้อีก

เนี่ยล่ะ ข้อดีของการออกจ๊อบต่างจังหวัดที่นี่!!


No comments:

Post a Comment