Tuesday, July 19, 2011

Before I go (6) You've got mail!!!

คริคริ เมื่อวานคือวันที่ 18 July เช้ามาวันจันทร์มี DHL มาส่งที่บริษัทจ่าหน้าถึงเราเอง ^_^
เป็น DHL จาก HR ที่อเมริกา ในนั้นประกอบด้วยเอกสารสำหรับ orientation ที่จะมีขึ้นในเดือนหน้าที่ Montvale, New Jersey

ในซองเอกสารประกอบด้วยของหลักๆ 4 อย่างคือ
1) Hello! US: Everyday Living for International Residents and Visitors
เป็นหนังสือเล่มหนาพอควรบอกทุกอย่างที่่เกี่ยวกับอเมริกาแบบกระชับ และชัดเจน เท่าที่ลองอ่านแบบผ่านๆดูก็พบว่าครบมากๆทีเดียวตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ
เริ่มหน้าแรกบอกว่า อเมริกามีกี่รัฐ แบ่งเป็นกี่ภาค แต่ละภาคประกอบด้วยอะไร อาหารการกิน ที่เที่ยว อากาศ อุณหภูมิ ใช้ไฟฟ้าแบบไหน เหรียญบัตรเป็นยังไง ให้ทิปกี่ %  ฯลฯ
เราอ่านก็ขำๆอะนะ เพราะด้วยความที่พวกเราทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับวัฒนธรรมอเมริกันจากหนัง จาก series ต่างๆ  รวมถึงการที่เคยไปเที่ยว ไปทำงาน ดูสารคดีนำเที่ยวมาแล้วหลายครั้ง เรื่องที่มันเขียนก็ดูจะเบสิคมากๆ แต่ก็ยังจัดว่าเป็นหนังสือที่ได้สาระมากเลยทีเดียว
คนที่กำลังจะไปเรียนต่อแล้วสนใจศึกษา USA แบบรวดเร็วก็ลองดูแล้วกัน
http://www.amazon.com/Hello-USA-Everyday-International-Residents/dp/0963563327

2) Art of Crossing Cultures
http://www.amazon.com/Art-Crossing-Cultures-Craig-Storti/dp/1931930538/ref=sr_1_1?s=books&ie=UTF8&qid=1311062413&sr=1-1
เล่มนี้พลิกดูแล้วแอบจริงจังเกิ๊นน เป็นแนว debate เกี่ยวกับความแตกต่างของวัฒนธรรมของคนที่มากจากประเทศที่พัฒนาแล้ว กับยังไม่พัฒนา (หรือเรียกงามๆว่าพัฒนาอยู่อย่างประเทศไทย) หนาพอๆกับ Hello! USA แต่เห็นแล้วอ่านไม่ลงเลยอะ =_=

3) Credit cards
ได้ Corporate Credit Card มาแล้ว อันนี้เป็นของ Diner's Club ที่สมัครไปเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนได้รับต้องโทรไปอเมริกาเพื่อเปิดใช้บัตร ได้มาก็กดโทรเพราะคิดว่าน่าจะเป็น automachine แบบที่กดตู๊ดๆๆ เหมือนเมืองไทย
ที่ไหนได้ มีคนจริงๆรับ แทบช็อกไปเลยทีเดียว !!! แบบว่าไม่ได้เตรียมตัวที่จะคุยกับฝรั่งทางโทรศัพท์อะ T_T ถึงจะดูเหมือนพูดจากับฝรั่งรู้เรื่อง แต่การพูดกันทางโทรศัพท์ที่ไม่เห็นหน้า อ่านปากไม่ได้เนี่ย โคตรทรมานเลยอะ และตื่นเต้นมากๆ ถึงมันจะเป็นแค่พนักงาน Call center ก็เถอะนะ
ที่อเมริกาแปลกดี มีให้ตั้ง security code เวลาที่ call center รับก็จะถามหา code ลับ จะเป็นตัวเลข คำพูด หรืออะไรก็ได้ เพื่อให้รู้ว่านี่คือเจ้าของบัตรตัวจริง

สุดท้ายพนักงานที่รับบอกว่าในบัตรมีวงเงินอยู่ $10,000 ถ้าไม่พอโทรมาขออนุมัติใหม่ได้ หวานหมู.... ซะที่ไหนล่ะ ก็นี่มันบัตรบริษัทนินา จะเอาไปใช้ส่วนตัวมิได้นะจ๊ะ ^_^"

4) Binders
เป็นแฟ้มข้อมูลต่างๆที่จำเป็น เช่น
  • เอกสารเตรียมตัวเดินทาง ว่าก่อนไปต้องเอาอะไรไปบ้าง ไม่ควรเอาอะไรไป เช่น เสื้อผ้า เค้าบอกมาเลยว่าหาที่นั่นง่ายและถูกกว่า รวมถึงเสื้อหนาๆที่คิดว่าจะใส่ในบ้านก็ไม่ต้องเอาไป เพราะที่ไหนๆ ถึงจะหนาวก็มี heater ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิทุกทีปกติ อาจจะ need แค่พวก coat/ sweater เท่านั้น
  • เอกสารการเตรียมเคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยง และพวกเอกสารที่ให้เราจดว่าของสำคัญต่างๆ เช่น สมุดบัญชี ทะเบียนบ้านเก็บไว้ที่ไหน เพราะกรณีที่มีสามี ภรรยา หรือลูกที่จะย้ายตามไปด้วย อาจจำเป็นต้องใช้เอกสารพวกนี้
  • ตารางกิจกรรม ว่าต้องไปที่ไหนเมื่อไร ต้องเข้าคลาส orientation ไหนบ้าง  คลาสที่จะมีเทรนก็หลายอย่าง ตั้งแต่ Cross-cultural training เพื่อให้รู้จักว่าคนอเมริกันเป็นยังไง เรื่องการแนะนำบริษัท และ benefits ต่างๆ รวมถึงการอบรมพวก technical อย่างโปรแกรมที่ใช้ และมาตรฐานต่างๆ ด้วย
  • *Classmates* อันนีี้ต้องกาดอกจันขีดเส้นใต้ไว้เลย เป็นครั้งแรกที่เห็นว่าเพื่อนร่วมรุ่นที่จะไปเจอ และเทรนด้วยกันเป็นใครมากจากประเทศไหนบ้าง ปีนี้มีทั้งหมด 43 คนรวมเราด้วย ก็หลากหลายดี มีตั้งแต่ พี่จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง ฮังการี เชค อูกันดา อียิปต์ เมซิโก ญี่ปุ่น วาไรตี้มากๆ ถึงแม้ว่าเป็นแนวจีนไปสิบกว่าคนแล้วก็ตาม และในลิสต์รายชื่้อก็จะบอกว่าแต่ละคนได้ไปออฟฟิศที่ไหนบ้าง  

The grass is always greener at the neighbors   ... คำนี้นี่โผลขึ้นมาในใจเลยอะ >_<

ก็แอบอิจฉาเพื่อนๆที่ได้ไปลั้ลล้าแลนด์ อย่าง New York, San Francisco, San Diego, Chicago, Silicon Valley ลั้ลลากันน่าดูเลยอ่าาาาา เอากลับไปให้แม่ดูแม่ยังบอกว่าอยากอยู่ซานฟรานเลย..

แต่ก็เอาน่าาา อย่างเมือง Atlanta ที่เราไปก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรน๊า มันก็ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของอเมริกา แล้วก็เคยจัดโอลิมปิก มันก็ต้องเป็นเมืองที่ "something" ใช่ปะ (เมื่อวานดูเรื่อง "เมียแต่ง" ตลกมากอะ ที่เบนซ์บอกว่า ผู้ชายดีๆแบบนี้ เหมาะกับ "somebody" อย่างชั้นเท่านั้นนน กร๊ากกก)

กระนั้นก็เถอะ แอบอิจฉาไปเรื่อยเปื่อย เพราะอย่างน้อยเมืองลั้ลลาพวกนี้มันเป็นเมืองที่คนไทยมักไปเที่ยวกัน เวลาพ่อแม่พี่น้องมาเที่ยวก็ง่าย (และถูกกว่า) มาก
เวลากลับบ้านก็น่าจะกลับได้ง่ายกว่าด้วย 
(ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจละ ว่าบริษัทจะให้ตั๋วกลับบ้านประจำปีรึเปล่า ถ้าไม่มีคงไม่ได้กลับอะ เพราะค่าใช้จ่ายในการกลับเมืองไทยจากเมืองที่เราอยู่มันตกทริปนึง (ไปกลับ) ประมาณ 5-7 หมื่นบาท ท่าจะไม่ไหวอะนะ) 

ขณะที่เรากำลังอิจฉาเพื่อนคนอื่นๆอยู่นั้น เพื่อนบางคนที่ได้เมืองแบบ "อะไรฟระ" ไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิตนี้ก็มีหลายคนเหมือนกัน หรือจะว่าไปการได้ไป explore เมืองแปลกๆที่ไม่มีใครรู้จักอาจจะสนุกและมีความสุขกว่าก็ได้ 

สุดท้ายแล้ว ต้องตั้งอยู่บนความพอดี ไม่โลภมากถึงจะมีความสุขสินะ 

2 comments:

  1. เตรียมพน้อมสุดๆ ต้องแบบนี้สินะ ชีวิตถึงจะมีคุณภาพ นับถือ HR จริงๆ

    ReplyDelete
  2. ในขณะที่ฟี่ไปเมกา พวกเราที่อยู่เบื้องหลังต้องทนทุกข์ทรมาณในสิ่งที่ฟี่จากไป อยากให้มีแกเหมือนวันเก่าที่เรามีเรา
    มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน มาสายก็จ่ายกาแฟ

    avatar กุ๊กกิ๊ก --" 333

    ReplyDelete