Thursday, July 21, 2011

Before I go (7) VISA เกือบมาแว้วววว

อาทิตย์นี้ผ่านไปด้วยดีกับ External review
จากที่เคยเกริ่นๆไว้ว่า งานที่เราทำนั้นได้รับการสุ่มให้ถูก review โดย External reviewer ที่เป็นตัวแทนบริษัทจากต่างประเทศบินมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เราซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โชคดีก็ได้ส่งงานนั้นให้ไป

ผลปรากฎว่างานออกมาใช้ได้ ไม่มีข้อผิดพลาดร้ายแรง ^_^"
ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจเป็นเพราะงานที่เราทำมันง่ายและน้อยกว่างานอื่นๆที่ถูกสุ่มมาตรวจสอบ พี่ๆที่เป็นเจ้าของงานพวกนั้นก็เลยหนักกว่าเราหลายเท่าเลยทีเดียว

ส่วนวันนี้ ตื่นมาได้เมลจากสำนัก Immigration office จากอเมริกา บอกว่า  Work permit เราเสร็จแล้ววววววว

สังเกตได้ว่าเวลาส่งเมลอะไรไว้ ต้องรอตื่นมาตอนเช้าทุกที เพราะเวลาเรากับคนที่นั่นมันห่างกัน 11 ชั่วโมงแน่ะ 
ช่วงนี้ตื่นมาก็เลยมีให้ลุ้นทุกวันว่าเมลที่เข้ามาใน Blackberry มีอะไรบ้าง

คนที่รับเรื่องบอกให้เราเดินหน้าจองเวลาสัมภาษณ์ได้เลย โดยไม่ลืมเตือนว่าให้เราจองเผื่อเวลาที่ Fedex ต้องเดินทางมาด้วย 

วันนี้เลยเริ่มทำเรื่องวีซ่าต่อ

จริงๆ ถ้าใครที่มีประสบการณ์ขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาแล้ว สิ่งนี้จะไม่ค่อยเป็นปัญหามาก
สำหรับใครที่สนใจขอวีซ่าท่องเที่ยว มี blog ที่มีคนรีวิวไว้อย่างละเอียดแล้ว คือคุณ Susie
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=lovergirl&group=11  นั่นเอง
แต่ก่อนที่เราขอวีซ่าท่องเที่ยวนั้นก็ได้ความช่วยเหลือแบบเงียบๆ จากคุณ Susie ที่นี่

(อนึ่ง คชจ โดยรวมสำหรับการขอวีซ่าท่องเที่ยวจะอยู่ที่ $140 ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่า ซึ่งต้องไปซื้อที่ไปรษณีย์ไทย หรือ Pay at post เท่านั้น ยังไม่รวมถึงค่า PIN เอาไว้จองราคาสัมภาษณ์และ submit เอกสาร online ราคาประมาณ $12 ซื้อออนไลน์ หรือโทรศัพท์ก็ได้)  ก่อนจะยาวเกินไป โดยสรุปค่าใช้จ่ายรวมหมดในการขอวีซ่าก็อยู่ที่ 5,000 บาทนั่นเอง ซึ่งถือเป็น fixed cost ของคนที่คิดอยากเที่ยวอเมริกาเลย
ข้อดีก็คือ ขอไปแล้วส่วนใหญ่จะได้วีซ่านาน 5/ 10 ปีเลยทีเดียว และอยู่ครั้งนึงก็ได้ 3-6 เดือนแล้วแต่ตม.จะ stamp 

กลับมาที่เรื่องของเรา วีซ่าที่เราขอ เรียกว่า L1 หมายถึง Intercompany Transferee คือการแลกเปลี่ยนแรงงานระหว่างประเทศนั่นเอง ซึ่งจัดอยู่ในหมวด non-immigrant หรือเรียกว่าเป็นวีซ่าทำงานแบชั่วคราว ที่ให้เราได้ทำงานเสียภาษีอย่างถูกกฎหมายตามระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น
คชจ ของวีซ่านี้แพงกว่าวีซ่าท่องเที่ยวนิดนึง คือ ราคา $150  และขั้นตอนการทำก็ต่างกันนิดหน่อย

โดยปกติ วีซ่าท่องเที่ยว เราแค่เตรียมเอกสารที่จำเป็น นัดเวลาจองและสัมภาษณ์
ส่วนวีซ่าทำงาน เราต้องให้นายจ้างที่อเมริกา (US Petitioner) ทำเรื่องขอกับสถานทูตที่นั่นก่อน หลังจากนั้นถ้าได้รับการอนุมัติ ก็จะได้ตัว work permit หรือที่เรียกกันว่า Petition ส่งมาให้เรา เพื่อไปยื่นสถานทูตอีกที
เพราะฉะนั้นกว่าที่จะได้วีซ่าจริงๆ ก็หลังจากที่เราได้เข้าสัมภาษณ์นั่นเอง

วันนี้ก็เลยทำการนัดสัมภาษณ์ไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นอาทิตย์ถัดจากอาทิตย์หน้า
แล้วจะมาเล่าให้ฟังต่อว่าการไปสัมภาษณ์มันต้องมีอะไรยังไงบ้าง :)

----------------------------------
Personal life:

วันนี้ตอนเย็นไปเล่น Bikram yoga หรือโยคะร้อนที่ ทรู ฟิตเนสมา
เจอพี่ม้า อรนภา ในนั้นด้วย โหห พี่ม้าใส่สไตล์บิกินี่เลย คือกางเกงในตัวจิ๋ว กับเสื้อโยคะแบบที่เหมือนชุดว่ายน้ำอะ (ถ้านึกออกนะ)  เพิ่งเคยเจอจะๆ เป็นครั้งแรก ก็แบบแปลกดีอะ คิดว่าดูในทีวีตอนเจ๊แต่งสวยจะดีกว่า ^_^"
ก็แหม ตอนเล่นโยคะทุกคนต้องเป็นธรรมชาติเหงื่อชุ่มซะขนาดนั้น

ที่แอบขำก็คือ คอนเฟิร์มว่าเจ๊น่าจะเป็น หญิง โดยแท้จริงนะ!! เพราะว่าชุดที่ใส่มันรัดมากสสส์ แต่ก็ไม่เห็นร่องรอยอะไรแต่อย่างใด อิอิ

No comments:

Post a Comment