Tuesday, August 2, 2011

Before I go (8) VISA is coming to town

สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

หายไปอาทิตย์กว่าๆ เพราะติดภารกิจมากมาย
เริ่มต้นตั้งแต่ 25-31 กรกฎาคม ไปทำงานที่ชะอำ และเที่ยวต่อ สิริรวม 7 วัน 5 คืน

เรื่องของเรื่องคือเราได้รับเกียรติให้เป็น Course owner สำหรับ New Joiner training ที่ออฟฟิศ
ก็เลยได้ร่วมกิจกรรมต้อนรับน้องๆที่เข้ามาทำงานกับบริษัทเรา เป็นการ orientation หรือการปฐมนิเทศน์นั่นเอง

หน้าที่ของ course owner ต่างกับคนที่เป็น trainer ยังไง?
course owner แปลตรงตัวก็คือ "เจ้าของคอร์ส" เพราะฉะนั้น เราก็สามารถปรับปรุงหลักสูตร จัดหา trainer จัดคิว จัดเวลาต่างๆได้ ส่วนใหญ่จะเป็นงานนัดคน จัดการนู่นนั่นนี่มากกว่า

ส่วน trainer หรือผู้ฝึกสอน จะมีหน้าที่สอน ตามเนื้อหาที่ course owner เป็นผู้จัดให้

ก็สนุกสนานกันไป เพราะที่ไปเทรนทั้งหมดมี 5 คลาส ร้อยกว่าคนเลยทีเดียว

ไวน์แดงก็หมดไปหลายขวดด้วยน้ำมือเรา (^_^)"  ไม่พูดเรื่อง trainer มากดีกว่า หันกลับเข้ามา USMP ของเรากันบ้าง


อาทิตย์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น
นั่นคือ VISA ที่เฝ้ารอมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ที่บ่นมาตลอด มัน  ((((((มาแว้วววววว)))) ใส่เอคโค่ให้นิดส์นึง

จะว่าไปเนี่ยรอ โคตระนานเลย พอแกะ package ออกมา ก็รู้สึกว่ามันก็สมควรนานอยู่บ้างกับเอกสารที่เค้าต้องเตรียม (แต่ก็ไม่ควรนานเกือบสามเดือนขนาดนี้นะ!)
สิ่งที่ส่งมาให้ก็มี
1) พวก supporting document เกี่ยวกับหลักฐานการศึกษา และ copy passport ของเราเอง ซึ่งความซับซ้อนกว่านั้นคือ เค้าต้องเอา transcript ของเราซึ่งเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ไปแปลเป็นอังกฤษอีกที (เพื่อ?) แล้วก็ต้องมีการแนบประวัติคนแปลมาด้วย ว่าจบด้านแปลมา มี cer ด้านนี้โดยเฉพาะ
 
2) I-129S หรือเรียกว่า work permit/ petition ที่ทางนายจ้างเราที่อเมริกาได้ไปทำการขออนุญาตจากสถานทูตเรียบร้อย และได้รับการอนุมัติแล้ว

3) เอกสารสาธยายความสามารถของเราว่าเราจบอะไรมา เรามีความสามารถยังไงบ้าง ประมาณสิบกว่าหน้า (อ่านไปเขิลลไป ว่าเรามีความรู้แบบนั้นจริงเหรอ ฟระ) -_-" 

ที่เหลือจากนี้ก็คือ การที่เราต้องไปนัดเวลาสัมภาษณ์กับสถานทูต ซึ่งเราได้นัดล่วงหน้าไปเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว แล้วก็ต้องไปซื้อ VISA fee หรือค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า $150 จากไปรษณีย์ไทย

วันนี้ก็เพิ่งไปซื้อวีซ่ามา พอดีมาทำงานแถวอโศก แล้วกว่าจะเดินหาปณ ใหญ่ได้นี่แทบตาย เดินหลงเข้าไปใน มศว เพราะเค้าบอกว่ามี ปณ กว่าจะหลุดออกมาได้ หลงแล้วหลงอีก มหาลัย หรือเขาวงกตนะเนี่ยยย

...พรุ่งนี้ก็ถึงวันที่เราจะไปสัมภาษณ์ที่สถานทูตแล้ว ถ้าได้วีซ่า จะได้เดินหน้าจองตั๋วซักที  :)

เรื่องดีที่เกิดขึ้นระหว่างอาทิตย์ก็คือ เราได้เริ่มทำความรู้จักกับ "เพื่อนร่วมรุ่น" ที่จะไปอยู่  Atlanta ด้วยกันแล้ว
เค้าเป็นคน Mexican คือทำงานที่สาขา Mexico นั่นเอง  ก็มี add Facebook, e-mail, BB กัน เรื่องการหาที่พัก การหาซื้อรถนู่นนี่ แต่ต่างคนก็ต่างไม่คืบหน้าอะไรเท่าไหร่อะนะ

คุณเพื่อน R ชาว Mexico คนนี้เนี่ย ถ้าดูตามรูป หน้าเหมือนอินเดียมากกว่า (ตายแล้วว ถ้าเค้าเข้ามาอ่านแล้วเอาไปเข้า Google translate จะแย่มั้ยนะ) ออกแนวแขกๆ หนวดเคราเยอะๆ หน่อย ไม่ค่อยเหมือนเพื่อนอเมริกาใต้ที่เคยรู้จักเลย  ฮีก็ออกแนวกลัวเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมใหม่อะนะ แล้วก็กังวลเรื่องภาษาอังกฤษด้วย ก็คงจะต้องอุ้มชูกันไปอีกหลายปีทีเดียว

พอคุยๆกันถึงรู้ว่า lawyer ที่ทำหน้าที่จัดการวีซ่านี่ทำงานช้ามากถึงขั้นทำให้เพื่อน R ไปเรียนภาษาไม่ทัน

อย่างที่เคยเล่าให้ฟังตอนแรกว่า ถ้าเกิดสอบภาษาได้ไม่ถึง 3.5 ตามที่บอกไว้ เค้าจะบังคับให้ไปเรียนภาษาที่รร.สอนภาษาก่อน 3 อาทิตย์เพื่อปรับพื้นฐานอะ แต่ในเมื่อเค้าได้วีซ่าไม่ทันก็ไม่ได้เรียน ออฟฟิศเค้าเลยจัดให้เรียนในประเทศไปก่อนซะงั้น

ตอนนี้พวกเราก็เลยลุ้นกันว่าถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ภายในไม่ถึงสามอาทิตย์ เราชาวจอแจในจอร์เจียก็จะได้ออกบินนนนนนนนนนนนนนนนน  

No comments:

Post a Comment